23 กรกฎาคม 2563
ครม.ไฟเขียว “ชิมช้อปใช้” เฟส 3 ลงทะเบียนเพิ่มอีก 2 ล้านคน เน้นรับเงินชดเชย ขยายเวลาถึง 31 มกราคม 62
ครม.เห็นชอบให้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงมีการเปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เพิ่มอีกจำนวน 2 ล้านราย เริ่มตั้งแต่วันที่14 พฤศติกายนนี้ โดยครั้งนี้ไม่มีการใช้เงิน 1,000 บาท เน้นการใช้จ่ายจากการเติมเงินเพื่อใช้จ่ายใน g-Wallet ช่อง 2 และรับเงินชดเชยหรือ cash back 15 -20 % พร้อมกับขยายเวลาใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 มกราคม 62 และให้ให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน โดยรวมถึงค่าบริการแพ็คเกจที่พักพร้อมการเดินทางหรือบริการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค่าสินค้าและบริการผ่านระบบที่ตรวจสอบการทำธุรกรรมได้
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องขยายการดำเนินมาตรการและปรับปรุงวิธีดำเนินมาตรการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นดังนี้
วัตถุประสงค์ : เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่าน g-Wallet ช่อง 2 โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่
ลงทะเบียน และมีบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนไม่เกิน 2 ล้านคน โดยจะกันสิทธิ์บางส่วนสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน ตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด
ระยะเวลามาตรการ: ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563
วิธีดำเนินมาตรการ:
(1) ขยายการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ สำหรับประชาชน โดยรัฐบาลจะเสนอเฉพาะเงินชดเชดสำหรับการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2
(2) การใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตามมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน โดยให้รวมถึงค่าบริการแพ็คเกจที่พักพร้อมการเดินทางหรือบริการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค่าสินค้าและบริการผ่านระบบที่ตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด
(3) กรณีพบความผิดปกติจากการรับชำระเงินด้วยแอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้กรมบัญชีกลางในฐานะผู้รับสมัครร้านค้าเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ และผู้อนุมัติและดำเนินการแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านวิธีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันเป็นผู้ดำเนินการการจ่ายเงินและตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติดังกล่าว หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิด ให้กรมบัญชีกลาง ระงับสิทธิร้านค้าในการรับชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
(4) กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ให้ความอนุเคราะห์การตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์สำหรับการดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/24507