การประมาณการ ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51)

1. ผู้มีหน้าที่ยื่น ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51)

● บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทย
● บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศที่ ประกอบกิจการในประเทศไทย
● กิจการร่วมค้า

2. รอบระยะเวลาบัญชี

● บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีไม่น้อยกว่า 12 เดือน

3. การประมาณการ

ต้องแสดงประมาณการกำไรสุทธิ

ขาดไปไม่เกินกว่า 25%

เว้นแต่มีเหตุอันสมควร

3.1 วิธีการประมาณการกำไรสุทธิ

ผลประกอบการจริง 6 เดือนแรก + ผลประกอบการที่คาดไว้
โดย พิจารณา รายได้ และรายจ่าย (รวมรายจ่ายต้องห้าม)

4. เงินเพิ่ม

ถ้าประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่า 25 % บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีก 20% ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ

5. กรณี “มีเหตุอันสมควร”

เหตุอันสมควรที่แสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไป เกิน 25 % ได้

เหตุอันสมควร ประกอบด้วย

1. ประมาณการกำไรสุทธิและยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปี ไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ยื่นแบบในรอบบัญชีก่อน

ตัวอย่าง : ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบบัญชีปี 2566 จำนวน 100,000 บาท โดยประมาณกำไรสุทธิและยื่นภาษีครึ่งปีในปี 2567 จำนวน 70,000 บาท (มากกว่าครึ่งหนึ่งของ 100,000 บาท) แม้ว่าบริษัทจะประมาณการกำไรสุทธิคลาดเคลื่อนเกิน 25 % ก็ถือว่ามีเหตุอันสมควร

2. ประมาณการกำไรสุทธิ ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน แต่ยื่นภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ยื่นแบบไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน เนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี

ตัวอย่าง : ปี 2566 มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,000,000 บาท และบริษัทยื่นภาษีครึ่งปีในปี 2567 โดยประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีในจำนวน 15,000,000 บาท (มากกว่ากำไรสุทธิที่ยื่นแบบรอบบัญชีที่แล้ว) แต่ยื่นภาษีครึ่งปีจริงน้อยกว่า 5,000,000 บาท (น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ 10 ล้าน) เพราะได้รับยกเว้นหรือลดภาษี แม้จะประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกิน 25 % ก็ถือว่ามีเหตุอันสมควรแล้ว

3. มีเหตุอันสมควรอื่นที่สามารถชี้แจงให้สรรพากรได้ว่าอาจส่งผลให้การประมาณการกำไรสุทธิคลาดเคลื่อนเกินกว่า 25 %

ตัวอย่าง : การปรับปรุงระบบภายในบริษัท หรือราคาซื้อขายสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เป็นต้น

การประมาณการ ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51)