ลูกจ้างต้องรู้ สิทธิประโยชน์และค่าชดเชย ที่ควรได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง

สิทธิประโยชน์และค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง

การเลิกจ้างไม่ใช่แค่การสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแรงงานที่ทุกฝ่ายควรทราบ สำหรับลูกจ้าง ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทั้งเงื่อนไขการเลิกจ้าง สิทธิในการได้รับค่าชดเชย และวิธีการคำนวณในกรณีต่างๆ อย่างครบถ้วน

การเลิกจ้างคืออะไร ?

การเลิกจ้างคือการยุติสัญญาจ้างงานตามกฎหมาย ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสิ้นสุดลง ส่งผลให้ลูกจ้างไม่ต้องมาทำงานและไม่ได้รับค่าจ้าง ในกรณีที่นายจ้างยุติการจ้างงาน เช่น ลูกจ้างทำผิดกฎระเบียบหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ตกลงไว้ในสัญญาจ้าง นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือให้สิทธิ์ในการชดเชย และหากเป็นกรณีที่ลูกจ้างลาออกเอง ลูกจ้างต้องแจ้งให้นายจ้างทราบตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาหรือกฎหมาย

การเลิกจ้างกับการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนสัญญาจ้างสิ้นสุด

กรณีที่มีกำหนดเวลาจ้าง

เมื่อครบกำหนดสัญญาจ้าง ถือว่าสัญญาจ้างได้สิ้นสุดลง โดยนายจ้างไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนเลิกสัญญา ทั้งนี้ ต้องเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดไว้อย่างชัดเจน และทั้งนายจ้างและลูกจ้างไม่สามารถบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดที่ระบุไว้ได้ เช่น การตกลงจ้างงานเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 อย่างไรก็ตาม หากสัญญาที่กำหนดเวลาจ้างไว้แน่นอนอนุญาตให้นายจ้างหรือลูกจ้างบอกเลิกสัญญาได้ก่อนครบกำหนด จะไม่ถือว่าเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดเวลา

กรณีสัญญาจ้างที่ไม่กำหนดเวลาจ้างไว้แน่นอน

หากเป็นสัญญาจ้างที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาจ้างในสัญญา หรือสัญญาปลายเปิด เช่น ให้ลูกจ้างทำงานโดยไม่ระบุวันสิ้นสุดการทำงาน หรือจ้างทำงานจนกว่าจะเกษียณอายุ สัญญาดังกล่าวจะถือเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดเวลา ในกรณีนี้ นายจ้างต้องบอกกล่าวแก่ลูกจ้างเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงงวดการจ่ายค่าจ้าง เพื่อให้การเลิกสัญญามีผลเมื่อถึงงวดการจ่ายค่าจ้างครั้งถัดไป โดยนายจ้างสามารถใช้วิธีการบอกกล่าวล่วงหน้าได้ทั้งในรูปแบบวาจาหรือทำเป็นหนังสือ

การจ่ายค่าชดเชย กรณีเลิกจ้าง

เมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้ทำผิดสัญญาใดๆ ของบริษัท ลูกจ้างต้องได้รับค่าชดเชย ด้งนี้

1ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือ ค่าตกใจ กรณีถูกเลิกจ้างกะทันหัน

ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือ ค่าตกใจ กรณีถูกเลิกจ้างกะทันหัน

2ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือ ค่าตกใจ กรณีถูกเลิกจ้างกะทันหัน

“ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า” คิดอย่างไร?

นายจ้างสามารถสั่งให้ลูกจ้างออกจากงานได้ทันทีโดยไม่ต้องมาทำงานอีกต่อไป แต่ในกรณีนี้ นายจ้างต้องให้สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า หรือที่เรียกกันว่า “ค่าตกใจ” โดย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า จะถูกคำนวณตั้งแต่วันที่นายจ้างให้ออกจากงานจนถึงวันกำหนดจ่ายค่าจ้างครั้งถัดไป อย่างไรก็ตาม นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าในบางกรณีตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
(1) ลูกจ้างลาออกเอง
(2) สัญญาจ้างสิ้นสุดลงตามกำหนด
(3) นายจ้างบอกเลิกจ้างแล้วให้ทำงานจนถึงวันกำหนดจ่ายค่าจ้างครั้งถัดไป

ตัวอย่างการคิดค่าตกใจ เมื่อถูกเลิกจ้าง

ตัวอย่าง 1 : นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า

หากนายจ้างจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 1 ของเดือน และต้องการให้ลูกจ้างออกจากงานในวันที่ 1 ธันวาคม นายจ้างต้องบอกเลิกจ้างล่วงหน้า “อย่างช้าที่สุด” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันจ่ายค่าจ้าง
3-1ตัวอย่างการคิดค่าตกใจ เมื่อถูกเลิกจ้าง

วิธีคิดค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อถูกเลิกจ้าง

ตัวอย่างที่ 2

หากบอกกล่าววันที่ 15 พฤศจิกายน (ไม่ครบ 1 รอบการจ่ายค่าจ้าง) กรณีนี้ จะสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ ในวันที่ 1 มกราคม ปีถัดไป
3-2วิธีคิดค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อถูกเลิกจ้าง

ตัวอย่างที่ 3

หากบอกเลิกจ้างวันที่ 15 พฤศจิกายน และให้ออกจากงานในวันที่ 15 ธันวาคม ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า (ค่าตกใจ ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. – 31 ม.ค.ปีถัดไป
3-3วิธีคิดค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อถูกเลิกจ้าง

ตัวอย่างที่ 4

หากให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีในวันเลิกจ้าง คือวันที่ 15 พฤศจิกายน กรณีนี้ จะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า (ค่าตกใจ) 1 เดือน
3-4วิธีคิดค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อถูกเลิกจ้าง

ค่าตกใจสำหรับพนักงานรายวัน

นายจ้างสามารถนำวันหยุดที่ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง (ถ้ามี) นำมาหักก่อนได้ เมื่อหักออกแล้ว นั่นคือ จำนวนวันคงเหลือที่นายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้าง
3-53-3วิธีคิดค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อถูกเลิกจ้าง

ข้อยกเว้น ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

1. ลูกจ้างลาออกเอง
2. ทุจริตต่อนายจ้าง
3. ฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบการทำงาน โดยนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือไปแล้ว
4. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
5. ประมาท ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
6. ได้รับโทษจำคุก ตามคำพิพากษา
7. ละทิ้งหน้าที่ติดต่อกัน 3 วัน โดยไม่มีเหตุสมควร
8. สัญญาจ้างงานกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอน
***พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
การเลิกจ้างอาจเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับทั้งนายจ้างและลูกจ้าง แต่การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้องและโปร่งใส จะช่วยลดข้อพิพาทและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับลูกจ้าง การรู้เท่าทันกฎหมายและสิทธิของตนเองเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ อย่าลืมตรวจสอบสิทธิของคุณและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้การสิ้นสุดความสัมพันธ์ทางการจ้างงานเป็นไปอย่างยุติธรรมและราบรื่นสำหรับทุกฝ่าย

 

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ ถูกเลิกจ้าง
จัดการเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไร เมื่อถูกเลิกจ้างหรือนายจ้างเลิกกิจการ?
6 สิทธิ์เข้าข่ายได้รับ “ค่าชดเชย” เมื่อถูกเลิกจ้าง
เตรียมด่วน! คู่มือเตรียมพร้อมรับสิทธิประโยชน์ เมื่อถูกเลิกจ้าง
รู้ก่อนสาย! ถูกเลิกจ้างแบบไหน หมดสิทธิได้ค่าชดเชยและเงินทดแทน

Copyright ©2024  dharmniti.co.th All rights reserved.

Log in with your credentials

Forgot your details?