02 กันยายน 2562
คุณวินัย ลู่วิโรจน์ อดีตรองปลัดกระทรวงแรงงาน จะมาเล่าถึงขั้นตอนและรายละเอียดในการทำงานของแรงงานไทยที่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ให้ได้ทราบกัน
จุดเริ่มต้น…. งานเก็บผลไม้ป่า
ในแถบภาคเหนือคาบเกี่ยวเขตซับอาร์ติคของยุโรป ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมจนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีผลไม้ป่าตระกูลเบอร์รี่ออกผลตามธรรมชาติมาก เดิมคนท้องถิ่นจะเก็บมาแช่แข็งไว้เพื่อกินสดทั้งปีและทำแยมกินกันในครอบครัว ต่อมามีการนำไปผลิตยาบำรุงสายตา วิตามินและเครื่องสำอางในเชิงอุตสาหกรรม ความต้องการเบอร์รี่ในตลาดโลกจึงเพิ่มขึ้นจนมีการพัฒนาฟาร์มเบอร์รี่ขึ้น แต่เบอร์รี่จากฟาร์มแม้ลูกจะใหญ่กว่าแต่รสชาติสู้เบอร์รี่ป่าไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะนำแรงงานต่างชาติเข้าไปเก็บเบอร์รี่ป่า
คนงานไทยที่เดินทางเข้าไปรุ่นแรกๆ เป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จักของหญิงไทยที่ไปแต่งงานกับคนฟินแลนด์ที่ถูกชักชวนไป โดยการไปทำงานอาจไม่ต้องเสียค่านายหน้า เพียงแต่จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเท่านั้น แต่เมื่อพบว่าในแต่ละฤดูกาลคนงานสามารถทำรายได้ได้มาก ก็เกิดการดำเนินการเป็นธุรกิจขึ้นโดยหญิงไทยเอง ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เมืองไทยเป็นนายหน้าจัดการเรื่องการเดินทางให้คนงานอื่นๆ เข้าไปทำงาน มีการเก็บค่าตอบแทน และขณะที่ทำงานที่ฟินแลนด์ก็มีการจัดหาที่พัก อาหารและรถเช่าให้ โดยเก็บค่าใช้จ่าย รวมทั้งมีการให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยสูงด้วย ต่อมาบริษัทแปรรูปและส่งออกเบอร์รี่กับบริษัทจัดเก็บและขายเบอร์รี่ก็ได้เข้ามาร่วมในธุรกิจนี้ด้วย โดยซื้อหรือเช่าอาคารเก่าๆ เช่นโรงเรียน รีสอร์ท เป็นต้น รวมทั้งจัดหารถให้คนงานเช่าแทนนายหน้าคนไทย แต่บริษัทเหล่านี้ก็ยังต้องพึ่งนายหน้าคนไทยให้จัดหาคนงานและจัดการเรื่องการเดินทางให้
ขั้นตอนการเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่า
เนื่องจากฟินแลนด์รับรองสิทธิให้ทุกคนสามารถเก็บผลไม้ป่าชนิดเบอร์รี่ เห็ดและดอกไม้บางชนิดที่ไม่ได้รับความคุ้มครองได้ คนงานไทยจึงไปเก็บผลไม้ป่าได้โดยไม่ต้องขออนุญาตทำงานและไม่จำเป็นต้องมีนายจ้าง โดยขั้นตอนการไปทำงานจะเริ่มจาก บริษัทแปรรูปและส่งออกเบอร์รี่กับบริษัทเก็บและขายเบอร์รี่ของฟินแลนด์จะยื่นหนังสือเชิญคนไทยเข้าไปฟินแลนด์เพื่อการท่องเที่ยวและเก็บผลไม้ป่าต่อสถานทูตฟินแลนด์ ขณะเดียวกันตัวแทนของบริษัทที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานยื่นขอวีซ่าให้คนงาน จะแจ้งให้นายหน้าเริ่มหาคนงาน พร้อมกับอำนวยความสะดวกในการหาเงินกู้และการค้ำประกันเงินกู้ให้คนงานด้วย เมื่อได้รับวีซ่าแล้วคนงานก็ทยอยเดินทางไปในราวต้นเดือนกรกฎาคม เมื่อถึงฟินแลนด์เจ้าหน้าที่ของบริษัทจะมารับและพาไปยังแคมป์ที่พักและเริ่มทำงาน
ลักษณะการทำงานเก็บผลไม้ป่า
ต้นเบอร์รี่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ผลเล็ก มักขึ้นในป่าธรรมชาติตามพื้นที่ลาดชันที่มีอุณหภูมิต่ำการเก็บผลเบอร์รี่คนงานต้องระวังไม่ให้ช้ำ ต้องใส่บู๊ท ใส่หมวกมีตาข่ายคุมหัวกันยุง คนงานส่วนใหญ่จะรวมกลุ่มกันตั้งแต่อยู่ที่ประเทศไทยอาจเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อไปทำงานที่ฟินแลนด์ก็จะร่วมกันเช่ารถไปเก็บเบอร์รี่กันเป็นกลุ่ม บางวันอาจต้องขับรถไปหาแหล่งเบอร์รี่ไกลหลายร้อยกิโลเมตร คนงานต้องเดินเก็บเบอร์รี่เป็นระยะทางไกลๆ เป็นการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หนาว หนักและพักผ่อนน้อย
ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นเดือน เป็นช่วงเก็บคลาวด์เบอร์รี่ คนงานไทยเรียกหมากเหลือง เบอร์รี่ชนิดนี้มีจำนวนไม่มาก ต้องใช้มือเก็บทีละลูก ราคาจึงสูงถึง 8 – 10 ยูโรต่อกิโลกรัม คนงานต้องรีบออกจากแคมป์ไปเก็บตั้งแต่ตีสองแล้วกลับมาราวห้าทุ่ม
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนกันยายน เป็นช่วงเก็บบลูเบอรี่ (หมากดำ) คนงานจะเก็บได้มาก ราคาอยู่ที่ 1.5 – 2.4 ยูโรต่อกิโลกรัม โดยคนงานจะออกจากแคมป์ตั้งแต่ตีสี่แล้วกลับมาราวห้าทุ่ม
และตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนถึงสิ้นสุดฤดู คนงานเริ่มเก็บลิงงอนเบอร์รี่ (หมากแดง) ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ราคาอยู่ที่ 80 เซ็นต์ – 1.4 ยูโรต่อกิโลกรัม คนงานจะออกจากแคมป์ตั้งแต่ตีห้าหรือหกโมงเช้าแล้วกลับมาราวสองทุ่ม
ต้นเดือนตุลาคมอากาศเริ่มหนาวมาก มีหิมะตก ผลไม้ป่าจะไม่ค่อยมีให้เก็บ คนงานจึงเริ่มทยอยเดินทางกลับประเทศไทย
ในการคิดรายได้ ในแต่ละวันเมื่อคนงานกลับถึงแคมป์ก็จะนำลูกเบอร์รี่ที่ได้มาชั่งและจดน้ำหนัก เพื่อบริษัทจะคิดราคาให้ ซึ่งราคาซื้อขายจะขึ้นอยู่กับผลผลิตในแต่ละปี แต่ละพื้นที่และสภาพของตลาด
นี่แหละจึงเป็นเรื่องราว… งานเก็บผลไม้ป่าของแรงงานไทยในฟินแลนด์ ที่มาเล่าสู่กันฟังครับ
เรื่อง : คุณวินัย ลู่วิโรจน์ อดีตรองปลัดกระทรวงแรงงาน