10 พฤษภาคม 2567
คณะผู้เข้าร่วมโครงการ Dharmniti Key Staff 2024 ตัวแทนจากบริษัทในเครือธรรมนิติ ทั้ง 16 ท่าน เปิดประสบการณ์ เดินทางไปทัศนศึกษา ณ ฮ่องกง 4 วัน 3 คืน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงที่ได้เดินทางบไปนั้น เป็นช่วงไฮซีซั่นบรรยากาศดีแบบหนาวเย็นฉ่ำทำให้เหล่าคณะ Key Staff เดินเที่ยวชมกันได้อย่างเต็มที่ ไปดูกันดีกว่า ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปนั้นมีอะไรกันบ้าง
เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองฮ่องกง จากสนามบินฮ่องกง ด้วยรถบัส A21 โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที
Hong Kong Palace Museum สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมระดับโลก
พิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกงถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและวัฒนธรรม และยังเป็นขุมทรัพย์แห่งโบราณวัตถุหายาก โดยเฉพาะคอลเล็กชันเครื่องสังคโลกจีน รวมไปถึงผลงานศิลปะระดับโลกกว่า 900 ชิ้น จากพิพิธภัณฑ์พระราชวังในกรุงปักกิ่ง (Palace Museum in Beijing) หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “พระราชวังต้องห้าม” มาจัดแสดง ถือเป็นการส่งมอบครั้งยิ่งใหญ่และมีมูลค่ามากที่สุดที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังในกรุงปักกิ่งเคยมอบให้แก่สถาบันทางวัฒนธรรมนอกจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่มีมา
นอกจากของล้ำค่ากว่า 900 ชิ้น พิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกงยังได้นำเอาผลงานชิ้นเอก 13 ชิ้น จากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส มาจัดแสดงด้วย ในฐานะศูนย์กลางแห่งการผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก เพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจากนานาชาติ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่คุ้มค่าสำหรับ Key Staff ที่ได้โอกาสไปเยี่ยมชมวัตถุหายากที่ไม่ได้เห็นกันได้ง่าย ๆ
นอกจากจัดแสดงโชว์งานศิลปะ และโบราณวัตถุหายากแล้วนั้น ยังมีกิจกรรมอย่างเช่น การวาดพู่ และมีมุมวิวอ่าวให้ได้ถ่ายภาพอีกด้วย
Symphony of Lights การแสดงโชว์แสงสีเสียงริมอ่าว
การแสดงดนตรีและแสงสีที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง Symphony of Lights นการแสดงดนตรีและแสงมัลติมีเดียระดับโลกที่อ่าววิคตอเรีย เป็นการโชว์แสงสีจากอาคารที่ทันสมัยกว่า 40 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายใต้ทัศนียภาพที่เป็นภูเขา และมีทิวทัศน์ของอ่าววิคตอเรียอันงดงาม เป็นเอกลักษณ์และสีสันอย่างหนึ่งที่คนไปเที่ยวฮ่องกงพลาดไม่ได้
รวมถึงคณะ Key Staff ทั้ง 16 ท่านที่ได้เพลิดเพลินกับการแสดงแสงสีในขณะที่ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันน่าทึ่งและเส้นขอบฟ้าของฮ่องกง อาคารสำคัญตามแนวชายฝั่งของอ่าววิคตอเรียบนเกาะฮ่องกงจะสว่างไสวด้วยแสงไฟระยิบระยับ เป็นการยิงเลเซอร์ประกอบดนตรี ซาวด์เอฟเฟกต์ และการบรรยายถึงความเจริญรุ่งเรืองของฮ่องกง และก้ไม่พลาดที่จะพลัดกันแชะภาพสวยๆกลับไปกันครบทุกคน
หนึ่งในแลนด์มาร์คฮ่องกง กับ Hong Kong Disneyland1
ใน 6 ของ Disneyland ทั่วโลก กับ สวนสนุก Hong Kong Disneyland ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “สถานที่ที่ทำให้มีความสุขที่สุดในโลก” ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ย้อนวัยนึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง เหล่าคณะ Key Staff ก็ไม่พลาดที่จะได้ไปย้อนวัยปล่อยความสนุกสุดเหวี่ยง พร้อมท้าลมหนาว
World of Frozen โซนใหม่ Hong Kong Disneyland
World of Frozen โซนใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2023 โดยที่นี่เป็นธีม Frozen ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกของโลก คณะก็ไม่พลาดพากันต่อแถวเพื่อได้เล่นเครื่องเล่นในโซนใหม่นี้
เครื่องเล่นใหม่ของโซน World of Frozen มีทั้งหมด 2 เครื่อง
1. Frozen Ever After ล่องเรือไปตามเรื่องราวของ Frozen ระหว่างทางจะได้ชมเรื่องราวและได้พบปะกับ
เหล่าตัวละครทั้งเอลซ่า อันนา เจ้าชายฮานส์ คริสตอฟฟ์ โอลาฟ สโนว์กี้ สเวน บอกเลยว่าตอนจบของเครื่องเล่นนี้ทให้คณะตราตรึงใจแบบสุด ๆ
2. Wandering Oaken’s Sliding Sleighs เจ้าของร้าน Wandering Oaken’s Trading Post and Sauna ได้เปลี่ยนภูเขาสูงหลังบ้านให้กลายเป็นรถไฟเหาะนำเที่ยว โดยได้ความช่วยเหลือจากสเวน โอลาฟ และกวางเรนเดียร์ของคริสตอฟ ระหว่างทางเดินไปถึงเครื่องเล่นจะได้เห็นการจำลองบรรยากาศซาวน่าแบบในภาพยนตร์ ภาคแรก
Momentous Nighttime Spectacular
การแสดงโชว์ แสง สี เสียง งานโปรดักชั่นอลังการ แบบไม่สามารถเล่าให้ฟังได้จริงๆ ต้องไปเห็นด้วยตาเท่านั้น และมีหรือที่เหล่าคณะ Key Staff จะพลาด รีบไปจับจองที่นั่งแถวหน้าไม่ว่าอากาศจะหนาวเพียงใดก็ไม่หวั่น ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด กับการโชว์ที่บอกเล่าเรื่องราว ช่วงเวลา รวบรวมตัวละครดิสนีย์เกือบ 40 เรื่อง พร้อมเอฟเฟกต์แสง สี ที่ฉายภาพ เลเซอร์ไปบนปราสาท และเพลงเอกลักษณ์อย่าง Love the Memory ปิดท้ายวันอย่างสวยงาม ประทับใจด้วยพลุสุดอลังการ บอกเลยว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ
และที่ขาดไม่ได้เรื่องขึ้นชื่อเมื่อไปฮ่องกงในด้านสายมู โดยครั้งนี้มีไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวไหว้พระ 3 วัดดัง เสริมความเฮงกับ วัด เนื่องจากฮ่องกง เป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญทางศาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดึงดูดคนจากทั่วทุกมุมโลก เข้ามาสัมผัสบรรยากาศความขลัง ขอพรให้สมหวังทั้งเรื่องการงาน การเงิน
เจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ (Kun Im Temple Hung Hom)
วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ (Hung Hom Kwun Yum Temple) ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ที่ตั้งอยู่ในย่านฮ่องฮำ (Hung Hom) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1873 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบวัดจีนดั้งเดิม และยังมีพิธีตามความเชื่อของคนจีนใน ฮ่องกง – มาเก๊า ซึ่งโชคมากที่คณะได้เดินทางไปในเดือนเปิดทรัพย์พอดี
วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple)
เป็นวัดเล็กๆ ที่เก่าแก่ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ซึ่งปกป้องจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงค์ซ่งให้อยู่รอดปลอดภัย ที่ทางการฮ่องกงได้อนุรักษ์ไว้ให้เป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะฮ่องกง โดยวัดแห่งนี้เป็นที่กล่าวขานร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ว่าสามารถพัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัว และนำความโชคดีเข้ามาในชีวิตได้ จนทำให้ผู้ที่เชื่อถือไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนๆ ต่างพากันหลั่งไหลกันไปขอพรกันไม่ขาดสาย รวมถึงคณะ Key Staff ที่ได้ไปสักการะขอพร หมุนกังหัน พร้อมซื้อเครื่องรางกลับไปมูกันล้นมือ
วัดเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล ทินหัว Tin Hau Temple Repulse Bay (Kwun Yam Shrine)
ตั้งอยู่บริเวณอ่าวรีพัลส์เบย์ เป็นสถานที่สำคัญอยู่คู่ฮ่องกงมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองชาวประมงในการออกเรือไปหาปลาซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกงบริเวณวัดจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวัด
Central Area & Hollywood Road
สตรีทอาร์ท Hollywood Road ย่านเซ็นทรัล (Central) ที่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจโดยเฉพาะด้านการเงินแล้ว ที่นี่ยังมีความติส ความฮิปของย่านนี้เกี่ยวกับเรื่องกราฟิตี้และสตรีทอาร์ทอยู่ด้วย ซึ่งสามารถเดินดูความเมือง ดูงานศิลป์ได้เลยบนถนนฮอลลีวูด (Hollywood Road) พร้อมกับการถ่ายภาพชิคๆเป็นเอกลักษณ์ของตึกที่ไม่เหมือนใคร
Freestyle : Shopping Street / ตึก Transformers (Montane Mansion)
ตึก Transformers (Montane Mansion)
ตึก Yick Fat Building Hongkong หรือตึก Transformer ฮ่องกง โดยตึกแห่งนี้เป็นหนึ่งในโลเคชั่นของการถ่ายทำหนังเรื่อง Transformers ซึ่งถ้าหากได้ดูจะพบว่าตึกแห่งนี้นั้นเป็นตึกที่ตัวพระเอกได้ทำการวิ่งหนีตัวร้าย แล้วค่อยๆร่วงหล่นลงมาทีละชั้น ความสวยงามของตึกแห่งนี้นั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมากเพราะตัวตึกจะมีการสร้างเป็นตัวยูที่มีขนาดสูง ถ้ามีโอกาสไปยืนที่บริเวณตรงกลางขึ้นไปจะพบว่า สามารถมองเห็นท้องฟ้าเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยที่ก่อนจะถึงท้องฟ้านั้นจะเห็นตัวตึกที่มีหลากหลายสีสันสูงขึ้นไปเสียดฟ้า ซึ่งนับเป็นจุดแลนด์มาร์กอีก 1 จุดที่ไปฮ่องกงแล้วถ้าอยากได้รูปเก๋ๆ ก็ต้องไปเช็คอิน
ร้านเด็ดร้านดังรวมถึงร้านอาหารระดับมิชลินที่เหล่าคณะ Key Staff ได้ลิ้มลองความอร่อย
Mak Man Kee บะหมี่เกี๊ยวฮ่องกง (รางวัลมิชลิน Bib Gourmand 5 ปีซ้อน)
Yung Kee (Roasted duck & pork) (รางวัลระดับ Michelin Guide)
ภัตตาคาร Yung Kee ร้านเก่าแก่ มีชื่อมานาน ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ Michelin Guide 8 ปีซ้อน ปัจจุบันอยู่ในระดับ Bib Gourmand เมนูดังได้แก่ ห่านย่าง หมูย่าง เป็ดย่าง (ร้านต้นตำรับของ Kam’s Roast Goose ได้มิชลิน ณ ปัจจุบัน)
Cheung Hing Kee (รางวัลระดับ Michelin Guide)
ซาลาเปาทอดในสไตล์เสี่ยวหลงเปาเจ้าดัง (รางวัลระดับ Michelin Guide) ร้านเด็ดฮ่องกงขึ้นชื่อเรื่องเสี่ยวหลงเปา ทอดแบบจี่ในกะทะพอให้แป้งด้านนอกกรอบเล็กน้อย มีหลายไส้ให้เลือกชิม
ตลาด Haiphong Road
ตั้งอยู่กลางจิมซาจุ่ย หลังตึก Silvercord และไม่ไกลจากห้าง Harbour City เดินประมาณ 1 นาทีถึง ภายในตลาด นอกจากจะขายของสดแล้ว ยังมีศูนย์อาหารขนาดย่อม เป็นที่ฝากท้องของคนฮ่องกงอย่างแท้จริง เพราะราคาดีในระดับหาไม่ได้จากร้านไหนในละแวกเดียวกัน ซึ่งคณะก็ได้ไปลิ้มลองหมูทอดแบบสไตล์ฮ่องกงกันอย่างเอร็ดอร่อย
Master Congee
โจ๊กแสนอร่อย เมล็ดข้าวละเอียดมาก เนื้อโจ๊กดีมาก อยู่ในย่านจิมซาจุ่ย โจ๊กมีให้เลือกเครื่องเพิ่มตามเมนูหลากหลาย แต่ที่ขึ้นชื่อคือโจ๊กตับ
Red Tea Café
เป็นร้าน Breakfast & Afternoon Tea อาหารเช้าไตล์ฮ่องกง
The One Char Siu
ข้าวหน้าหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง และไก่ย่าง เนื้อนุ่มหอม โดยเฉพาะหมูกรอบและเป็ดย่างมีความกรอบนอก นุ่มใน แถมทีเด็ดคือน้ำพริกหม่าล่า น้ำซุปอร่อย อร่อยแบบจุกๆ เป็นอาหารที่ทานง่ายเพราะเป็นรสชาติที่คุ้นเคย
Dim Dim Sum ติ่มซำนึ่งสดสไตลฮ่องกง
ร้าน “ติ่มซำ” เจ้าดังแห่งหนึ่งของฮ่องกงในโซน Mong Kok และ Jordan ที่มีความโดดเด่นในการนำเสนอเมนูติ่มซำแบบต้นตำรับฮ่องกงที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพทั้งรสสัมผัสของแป้งและไส้ต่างๆที่ทำออกมาได้เด้งฉ่ำมากๆและความสะใจของความใหญ่ของไส้โดยเฉพาะกุ้งที่ให้มาแบบเต็ม ๆ คำ
Cupping Room
ร้านเล็กๆ กาแฟนุ่ม หอม อร่อยที่มีดีกรีรางวัล 2nd Place – World Barista Championship 2014
HEYTEA
ชาชีสชื่อดังเจ้าแรกๆ ของจีนที่เคยสร้างกระแส ‘กินชาปากเปื้อนชีส’ ไว้ในโลกออนไลน์ และสร้างปรากฏการณ์การรอคิวนานกว่า 2 ชั่วโมง
มาถึงฮ่องกงทั้งทีคณะ Key Staff ก็ไม่พลาดที่จะได้ลองนั่งรถรางย้อนยุคไปในคริสตศักราช 1920 เป็นรถ 2 ชั้น เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์แบบคลาสสิกของฮ่องกง พร้อมกับเดินงทางไปซื้อ Jenny Bakery Cookies คุกกี้เจ้าดังของฮ่องกง การันตีความอร่อยด้วยแถวที่ยาวเหยียด ซึ่งมีทั้งหมด 2สาขา Jenny Bakery Tsim Sha Tsui และ Jenny Bakery Sheung Wan ซึ่งคณะก็นั่งรถบัสรางไปลงซื้อคุกกี้ที่สาขา Sheung Wan คณะก็จัดหนักจัดเต็มหิ้วมาเป็นของฝากกันอย่างเต็มไม้เต็มมือ
ขากลับ คณะได้เดินทางด้วย Airport Express รถไฟความเร็วสูงที่ทำให้การเดินทางจากใจกลางเมืองสู่สนามบินฮ่องกง (Hong Kong Airport) เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องจราจรรถติด รถไฟจะคอยบริการคุณทุก 10-12 นาทีและใช้เวลาเดินทางแค่ 24 นาทีเท่านั้น
กิจกรรมสนุก ๆ กระชับความสัมพันธ์
ทริปนี้นอกจากได้ท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ยอดฮิตของฮ่องกงแล้วนั้น ยังมีให้คณะได้ทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆเพื่อการชับมิตร สร้างความสัมพันธ์อันดีด้วยการเล่นเกมส์ทายคำ ข้างอ่าว หลังจากที่ออกมาจากการชมพิพิธภัณฑ์ Hong Kong Palace Museum เป็นกิจกรรมส่วนรวมอย่างหนึ่งที่ต้องมีการแบ่งทีม ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมนั้นร่วมกัน ท่ามกลางลมทะเลที่พัดเข้ามา และอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ประทับใจคือ ได้เห็นทุกคนเล่นเกมส์ร่วมกัน ได้หัวเราะ ได้ช่วยเหลือกัน ซึ่งหาดูไม่ได้จากที่ไหน ทั้งหนาว ทั้งสนุก หลายอารมณ์ในช่วงเวลานั้น
ภาพบรรยากาศอื่นๆ
ซึ่งในการเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ฮ่องกง 4 วัน 3 คืนของ โครงการ DHARMNITI KEY STAFF 2024 นี้เป็นกิจกรรมที่ปิดท้ายโครงการ ซึ่งการเดินทางไปฮ่องกงนั้นนับว่าเป็นสถานที่ที่มีคาแรคเตอร์เมืองโดดเด่น ทางด้านสถาปัตยกรรม ท่ามกลางตึกน้อยใหญ่มากมา ยทำให้ฮ่องกงมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร และยังมีสิ่งใหม่ ๆ ให้ได้เปิดประสบการณ์ อาทิ สถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมทางด้านอาหาร ไลฟ์สไตล์ พิพิธภัณฑ์ ต่างๆ ที่ให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติม และไม่ใช่แค่นั้นทริปนี้ยังมอบความสุข สนุก รอบยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับคณะ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้นเหล่า Key Staff ยังได้มิตรภาพอันดีกับเพื่อนร่วมงานต่างสัดกัด พร้อมกลับมาอีกด้วย