30 กันยายน 2562
เป็นธรรมดาที่การมาทำงานในวันแรกของทุกคน จะต้องรู้สึกตื่นเต้นเพราะกลัวจะทำอะไรผิดพลาดหน้าแตก
จนบางครั้งบางคนถึงขั้นเครียดจนนอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ลงก็มี ความจริงการมาทำงานวันแรกไม่มีอะไรที่จะต้องเครียดหรือกังวลจนเกินไปแต่อย่างใด…เพราะตามปกติแล้ว คงไม่มีบริษัทหรือองค์กรไหนจะด่วนตั้งความหวังไว้ว่า คุณจะต้องพิสูจน์ผลงานและความสามารถของคุณได้ตั้งแต่ในวันแรกของการทำงาน เพราะฉะนั้นคุณควรหันมานึกถึงและให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้จะดีกว่า
1. อย่ามาสาย
ในวันเริ่มต้นสิ่งที่คุณควรเตรียมตัวไว้บ้างก็คือ อย่ามาสาย เพราะการมาสายในวันแรกของการทำงานจะทำให้คุณตกเป็นเป้าสายตาจากเพื่อนร่วมงาน ขอให้เชื่อเถอะว่ามีใครหลายคนแอบรอดูคุณอยู่ เพราะปรารถนาจะเห็นหน้าค่าตาเด็กใหม่คนนี้ว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้การมาสายอาจทำให้การรายงานตัวในวันแรกของการทำงานของคุณต้องล่าช้า ดีไม่ดีหัวหน้าคุณหรือคนที่คุณต้องรายงานตัวด้วยอาจจะมีธุระและไม่อยู่รอจนกระทั่งคุณมาถึงก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นตามกันมาเป็นตัวโดมิโนล้มแล้วหละก็…คุณอย่ามาสายในวันแรกเป็นดีที่สุด
2. ทักทายกันหน่อย
หากคุณเป็นคนที่เพียรหมั่นทำบุญทำทานมาแต่ปางก่อน ใครเห็นใครก็รักใครรู้จักใครก็เอ็นดูแล้วหละก็ คุณก็อาจจะคลายใจได้บ้างเพราะในการทำงานวันแรกของคุณคงจะมีพี่เลี้ยงใจดีมาคอยดูแลเอาใจใส่คุณอย่างใกล้ชิด คอยพาคุณไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงาน ทานข้าวกลางวัน หรือแม้แต่ติดตามสอนงานคุณไม่ห่าง แต่ถ้าไม่ใช่…คุณก็คงต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการเข้าไปกล่าวคำทักทายสวัสดีกับเพื่อนร่วมงานและผู้หลักผู้ใหญ่ตามจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม แต่หากคุณเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใครเลย เรียนหนังสือมาตั้งแต่เล็กจนโตมีเพื่อนอยู่กับเขาคนเดียว ก็ต้องปรับปรุงตัวด่วนจี๋ อย่าปล่อยให้ตัวเองนั่งเงียบไม่พูดไม่จากับใครและเก็บเนื้อเก็บตัวจนสาหัสถึงขั้นที่ว่าผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วก็ยังไม่มีใครรู้จักชื่อคุณ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์ที่วันดีคืนดีเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆคุณเจอคุณหน้าบริษัทแล้วปรี่เข้ามาสอบถามว่าต้องการพบใคร เพราะหลงคิดว่าคุณเป็นลูกค้า เกิดขึ้นเป็นอันขาด
3. สงสัยก็ถามได้
หากคุณสอบถามคนใกล้ชิดจนแน่ใจแล้วว่าคุณไม่ได้เกิดและโตที่บริษัท คุณก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงกังวลไปว่าหากคุณเกิดสงสัยใคร่รู้เรื่องอะไรขึ้นมาแล้วหากถามใคร ๆ เขาจะหาว่าคุณไม่รู้เรื่องรู้ราว ถามได้ครับไม่ต้องเขิน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องความถูกต้องของงานที่คุณได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบด้วยแล้ว เกิดความสงสัยก็ต้องถาม อย่าปล่อยจนความผิดพลาดง่ายๆที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตามควรตั้งสติสักหน่อยก่อนถาม และถามอย่างมีขอบเขต และวิจารณญาณ คำถามเช่นว่า “พี่ครับ พี่อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่คิดจะออกไปอยู่ที่อื่นบ้างเลยหรือครับ?” หรือ “โทษนะคะ พอจะทราบหรือเปล่าว่า พ่อรูปหล่อคนนั้นชื่ออะไร?” คำถามลักษณะนี้อย่าให้เผลอหลุดออกมาเด็ดขาด แม้ว่าจะอยากรู้จนใจแทบจะปิดปากไม่ไหวแล้วก็ตาม เพราะคำถามเหล่านี้คำตอบที่คุณได้รับจะมีแต่ทางเท่าทุนหรือไม่ก็หมดหน้าตักเท่านั้นเอง
4. อย่าคุยโทรศัพท์หรือแชทจนเพลินเกินไป
ในยุคของการสื่อสารที่แทบจะเรียกได้ว่า One Person One Number หรือหนึ่งคนมีโทรศัพท์ส่วนตัวหนึ่งเครื่องนั้น ไม่แปลกอะไรที่โอกาสในการสนทนาพูดคุยผ่านสายโทรศัพท์มือถือจะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ แต่ในการทำงานวันแรกคุณก็ควรควบคุมโทรศัพท์มือถือของคุณไม่ให้มันมีสายเรียกเข้าดังเข้ามาตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้าคุณตั้งเสียงเรียกเข้าแปลกๆ เป็นที่สะดุดหูด้วยแล้วยิ่งไม่ควรใหญ่ เพราะเวลามันดังขึ้นมาคนรอบข้างเขาจะจดจำได้ทันที่ว่ามันเป็นเสียงที่มาจากโทรศัพท์ของคุณ (อีกแล้ว) … มีสุภาษิตจากนักโทรกลับใจท่านหนึ่งบอกว่า “จงอย่าเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า (ไปเรื่อย ๆ) แต่จงเปลี่ยนที่พฤติกรรม (การคุย)”
5. ไม่ต้องรีบกลับจนเกินเหตุ
แต่ละองค์กรมีวัฒนธรรมมีรูปแบบเฉพาะเป็นของตนเอง เมื่อคุณเข้ามาทำงานใหม่คุณก็ควรจะคอยสังเกตสังการณ์เรื่องเหล่านี้เอาไว้บ้าง เวลาการกลับบ้านหลังเลิกงานของแต่ละบริษัทก็มีความแตกต่างกัน ลักษณะธุรกิจทำให้บางบริษัท คนทำงานจะออกจากที่ทำงานช้า แต่บางบริษัทก็เร็ว แต่โดยสรุปในวันแรกของการทำงาน คุณควรรอกลับพร้อมเพื่อนร่วมงานจะดีที่สุด โดยเฉพาะในแง่ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
—-
แหล่งที่มา www.jobdst.com