16 พฤศจิกายน 2562
สกุลเงิน Libra คืออะไร?
“Libra” เป็นสกุลเงินดิจิทัลชนิดหนึ่ง โดยมีผู้พัฒนาเป็นบริษัทที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง facebook มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นค่าเงินที่ใช้ซื้อสินค้า และบริการได้ทั่วโลกผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลเพียงแค่ผู้ใช้งานมีโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร ปลอดภัยด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain มีหน่วยงานกำกับดูแลโดยเฉพาะ และมีเงินทุนสนับสนุนเพื่อป้องกันการผันผวน จากบริษัทผู้ร่วมก่อตั้ง
Libra กับ Bitcoin ต่างกันอย่างไร?
libra | bitcoin |
มีความผันผวนต่ำ | คาดการณ์อัตราขึ้นลงได้ยาก |
มูลค่าผูกติดกับทรัพย์สิน | เป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร |
มีหน่วยงานกำกับดูแล | ไม่มีการระบุตัวตนของผู้ใช้ |
ใช้งานผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ (คาดว่าจะใช้ได้กับบริการของพาร์ทเนอร์ เช่น Uber, Spotify | ไม่มีการควบคุมความผันผวน |
1 Libra มีมูลค่าเท่าไหร่?
Libra เรียกว่าเป็น stable digital cryptocurrency โดยเหรียญจะถูกแปลงมาจากสินทรัพย์จริง ๆ หมายความว่า มูลค่าของเหรียญจะเท่ากับเงินจริง แบบ 1: 1 ทำการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าดิจิทัลที่เรียกว่า “Calibra” ที่เปรียบเหมือน True wallet, Alipay, Blue pay ที่เราใช้งานอยู่แล้วนั่นเอง
Libra เชื่อถือได้แค่ไหน ?
Libra ถูกพัฒนาจากทีมของ Facebook แต่ไม่ได้ถูกดูแลโดยบริษัทเฟซบุ๊กโดยตรง มีการแต่งตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร “Libra Association” เข้ามากำกับดูแล
|
พันธมิตร Libra Association |
Payments | Mastercard, PayPal, PayU, Stripe และ Visa |
Technology | Booking Holdings, eBay, Calibra, Farfetch, Lyft, Mercado Pago, Spotify AB และ Uber |
Telecommunications | Lliad และ Vodafone Group |
Blockchain | Anchorage, Bison Trails, Coinbase และ Xapo Holdings |
Venture Capital | Andreessen Horowitz, Breakthrough initiatives, Ribbit Capital, Thrive Capital และ Union Square Ventures |
เริ่มใช้งานเมื่อไหร่?
เบื้องต้นจากโพสต์ประกาศอย่างเป็นทางการระบุว่า Libra จะเริ่มใช่อย่างเป็นทางการในปี 2020 โดยจะถูกควบคุมด้วยกฎหมายอย่างเคร่งครัดเหมือนกับผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่น ๆ และให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในทุกขั้นตอน หลังจากการประกาศถึงเรื่องนี้ ก็มีหน่วยงานรัฐของหลายประเทศแสดงความกังวล ถึงข้อมูลส่วนตัว ความปลอดภัย และภาษี ซึ่งยังคงต้องรอติดตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก Libra อีกครั้ง
—-
แหล่งที่มา : www.facebook.com/dharmnitigroup