การปรับปรุงแนวทางการนับเวลา คำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่มเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้เสียภาษีควรทราบ โดยเฉพาะภายใต้คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.163/2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ตและการชำระเงินล่าช้า ดังนั้น ผู้เสียภาษีควรเข้าใจวิธีการนับเวลาที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
สาระสำคัญของคำสั่ง ป.163/2567
คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.163/2567 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 67 ซึ่งมีผลต่อการคำนวณเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ในกรณียื่นชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ขณะนี้ขยายให้อีก 8 วัน ซึ่งมีวิธีนับเวลาการคำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม เป็นกรณีดังนี้
(1) ยื่นทางอินเทอร์เน็ต / ยื่นเพิ่มทางอินเทอร์เน็ต
กรณียื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตในกำหนดระยะเวลาที่ขยายให้แล้ว แต่ไม่ครบถ้วน มีการยื่นชำระเพิ่มทางอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
การนับเวลาในการคำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ให้นับจากวันที่ขยายเวลาถึงวันที่ยื่นแบบชำระเงิน
(2) ยื่นทางอินเทอร์เน็ต / ยื่นเพิ่มด้วยกระดาษ
กรณียื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตในกำนดระยะเวลาที่ขยายให้แล้ว แต่ไม่ครบถ้วน มีการยื่นชำระเพิ่มด้วยแบบกระดาษ
การนับเวลาในการคำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ให้นับจากวันพ้นกำหนดการยื่นแบบปกติ ถึงวันยื่นแบบเพิ่มและชำระเงิน
(3) ยื่นด้วยกระดาษ / ยื่นเพิ่มทางอินเทอร์เน็ต
กรณียื่นแบบด้วยกระดาษในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย แต่ไม่ครบถ้วน มีการยื่นชำระเพิ่มทางอินเทอร์เน็ตอีก
การนับเวลาในการคำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ให้นับจากวันพ้นกำหนดการยื่นแบบปกติ ถึงวันยื่นแบบชำระเงิน
การปรับปรุงแนวทางการคำนวณเบี้ยปรับและเงินเพิ่มภายใต้คำสั่ง ป.163/2567 นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาการจัดการภาษีที่ทันสมัยขึ้น ผู้เสียภาษีทุกคนควรให้ความสำคัญกับการเข้าใจการนับเวลาใหม่และการยื่นภาษีที่ถูกต้อง เพื่อรักษาสิทธิ์และลดภาระทางภาษีที่อาจเกิดขึ้น
อ่านบทความนี้เพิ่มเติมใน เอกสารภาษีอากร ฉบับเดือนกันยายน 2567
พร้อมบทความที่น่าสนใจโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ท่าน
หรือดูตัวอย่างวารสาร เอกสารภาษีอากร ฉบับอื่นๆ คลิกที่นี่
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ ภาษี
ค่าปรับ – เงินเพิ่ม กรณี ยื่น ภ.ง.ด. 51 ล่าช้า – ไม่ถูกต้อง
ยื่นภาษีนิติบุคคลครึ่งปี ล่าช้า จะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง ?