12 ตุลาคม 2565
กลยุทธ์สำคัญของการทำธุรกิจหรือประกอบการค้าที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ยกให้เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ เลยก็คือ การให้ส่วนลดกับลูกค้าหรือคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และสร้างโอกาสให้สินค้าเป็นที่รู้จักและขายออกได้ง่าย ในปริมาณมากขึ้น แต่ในการดึงส่วนลดมาใช้ในการกระตุ้นธุรกิจนั้น คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว ส่วนลดนี้มีกี่แบบ และธุรกิจของคุณเหมาะกับการใช้ส่วนลดแบบไหน โดยวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับส่วนลดการค้า และส่วนลดเงินสด ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างไร ตามเราไปดูเลยค่ะ
ส่วนลดคืออะไร?
จำนวนเงินที่ผู้ขายลดราคาสินค้าให้กับผู้ซื้อ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อจูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น หรือจูงใจให้ซื้อในปริมาณมากขึ้น โดยการกำหนดส่วนลดนี้มี 2 แบบ คือ ส่วนลดการค้า และ ส่วนลดเงินสด
ส่วนลดการค้า กับ ส่วนลดเงินสด แตกต่างกันอย่างไร?
ส่วนลดการค้า (Trade Discount)
เป็นส่วนลดที่ผู้ขายให้กับลูกค้าทันทีที่ขายสินค้า โดยลดจากราคาที่ตั้งไว้ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น หรือซื้อปริมาณมากขึ้น โดยส่วนลดการค้านี้จะไม่มีการบันทึกบัญชีในส่วนที่เป็นส่วนลด แต่จะบันทึกบัญชีซื้อสินค้าตามจำนวนเงินหลังหักส่วนลดแล้ว เช่น หากซื้อสินค้าภายในวันที่ 5 พ.ค. จะจ่ายเพียง 2,999 บาท จากสินค้าราคาปกติ 5,000 บาท
ส่วนลดเงินสด (Cash Discount)
ส่วนลดที่ผู้ขายลดให้กับลูกค้าในกรณีที่ซื้อเป็นเงินเชื่อ เพื่อจูงใจให้เกิดการชำระเงินเร็วขึ้น โดยจะมีการสร้างเงื่อนไขการชำระเงินขึ้น เช่น 5/10 n/30 หมายถึง ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับสินค้า แต่ถ้าลูกค้านำเงินมาชำระภายใน 10 วันแรก จะได้รับส่วนลด 5%
ส่วนลดเงินสดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
• ส่วนลดรับ เป็นจำนวนเงินส่วนลดที่ผู้ซื้อได้รับจากผู้ขาย กรณีที่มีการชำระเงินภายในระยะเวลาที่ได้รับส่วนลดตามเงื่อนไขการชำระเงินที่กำหนดไว้ ส่วนลดรับจะทำให้ต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาขายลดลง และเป็นการบันทึกบัญชีฝั่งผู้ซื้อ
• ส่วนลดจ่าย เป็นจำนวนเงินที่ผู้ขายลดให้กับผู้ซื้อ กรณีที่ผู้ซื้อชำระเงินภายในระยะเวลาที่ได้รับส่วนลดตามเงื่อนไขการชำระเงินที่กำหนดไว้ ส่วนลดจ่ายจะทำให้รายได้จากการขายสินค้าลดลง และเป็นการบันทึกบัญชีฝั่งผู้ขาย
โดยสรุปแล้ว ส่วนลดการค้า กับส่วนลดเงินสด จะมีความแตกต่างกันในประเด็นหลักๆ คือรูปแบบการชำระสินค้า และช่วงเวลาของส่วนลดที่ผู้ซื้อได้รับ ดังนั้นในมุมของผู้ขายสินค้า หากจะวางกลยุทธ์กระตุ้นการขายสินค้า อาจจะต้องดูรูปแบบการขายว่ากิจการเน้นการขายสินค้าเงินสดหรือเงินเชื่อ และใช้ส่วนลดแบบไหนจึงจะคุ้มกว่ากัน